วิทยาลัยการเมืองการปกครอง
ประวัติ
วิทยาลัย การเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นหน่วยงานที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 โดยการผนวกภาควิชารัฐศาสตร์ ศูนย์ข้อมูลการเมืองท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโครงการจัดตั้งหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต ซึ่งสังกัดอยู่ในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์เข้าด้วยกัน
วิทยาลัย การ เมืองการปกครองได้ดำเนินงานตามพันธ์กิจด้านการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน
วิทยาลัย การเมืองการปกครองได้ทำข้อตกลงร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาความรู้ทางวิชาการ เช่น คณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ผู้แทนจากลักแซมเบิร์ก คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล องค์กรพัฒนาเอกชนทางด้านกฎหมาย (BABSEA CLE Foundation Thailand) เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม เพื่อร่วมมือทางวิชาการ แลกเปลี่ยนนิสิต อาจารย์ และผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น
วิทยาลัย การเมืองการปกครองเป็นสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพด้านการเรียน การสอน เพียบพร้อมไปทุกด้านในการให้บริการ การศึกษา เปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรี ปริญญาโท มีหลักสูตรที่เปิดสอนดังนี้ครับ
ระดับปริญญาตรี
1.) รัฐศาสตร์บัณฑิต ( ร.บ.) วิชาเอก
1.1 การเมืองการปกครอง
1.2 รัฐประศาสนศาสตร์
1.3 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
2.) นิติศาสตร์บัณฑิต (น.บ.)
3.) หลักสูตรคู่ขนาน 5 ปี คือ นิติศาสตร์บัณฑิตและศิลปะศาสตร์บัณฑิต (สิทธิมนุษยชนศึกษา)
>>>นบ. และ ศศ.บ. (สิทธิมนุษยชนศึกษา)
4.) รัฐประศาสนศาสตร์บัณฑิต (การปกครองท้องถิ่น) : รป.บ. (การปกครองท้องถิ่น)
ระดับปริญญาโท
> 1.) รัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต (นโยบายสาธารณะ) : รป.ม. (นโยบายสาธารณะ)
> 2.) รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต (การเมืองการปกครอง) : ร.ม. (การเมืองการปกครอง)
วิทยาลัย การเมืองการปกครองเป็นศูนย์ให้ความรู้ที่เต็มไปด้วยคณาจารย์ที่เพียบพร้อมไป ด้วยความรู้ความสามารถในด้านวิชาการหรือด้านต่างๆ และวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มีโรงอาหารที่มีความสะอาดและภายในของวิทยาลัยการเมืองการปกครองรวมทั้งมี บรรยากาศที่น่าศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างมาก
มีห้องสมุดของวิทยาลัยการ เมืองการปกครองที่เต็มไปด้วยหนังสือ วารสาร และหนังสือที่น่าสนใจเป็นจำนวนมาก รวมทั้งบริเวณนั่งอ่านหนังสือที่สบายและสงบเรียบร้อยครับ
อีก ทั้งยังมีสถานที่สำหรับจักรยานยนต์จอดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วยครับ มีความปลอดภัยเพราะมีน้ายามคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอยุ่ครับ
และต่อจากนี้คือบรรยากาศรอบๆบริเวณ วิทยาลัยการเมืองการปกครองครับ
วิทยาลัยการเมืองการปกครองเป็นคณะที่มี นักศึกษามากเป็นอันดับต้นๆ ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และเป็นคณะที่มีมาตรฐานการศึกษาขั้นต้นๆ ของมหาวิทยาลัยมหาสารคามจึงอยากให้ พี่ ๆ น้องๆ เข้ารับการศึกษาในวิทยาลัยการเมืองการปกรอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สุดท้ายก็ขอให้เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.copag.msu.ac.th/copag/
วิดีโอ
krisorn52011310062
วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554
การโพสรูปในมือถือลงblog
- ส่งข้อความ REGISTER ไปที่
BLOGGR
เพื่อสร้างบล็อกมือถือของคุณ ข้อความและ/หรือรูปภาพในข้อความของคุณจะถูกอัปโหลดไปยังบล็อกนั้นทันที เราจะส่งข้อความกลับถึงคุณพร้อมด้วยที่อยู่ (เพื่อให้คุณเข้าสู่บล็อกใหม่ทางเว็บ) พร้อมกับโทเค็น (ซึ่งคุณใช้อ้างสิทธิ์ในบล็อกและเข้าถึงได้จากบัญชีของคุณ) - เลือกดำเนินการได้ - ถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลงสิ่งใดก็ตามในบล็อกมือถือใหม่ของคุณ หรือถ้าคุณมีบัญชีบล็อกเกอร์อยู่แล้ว และต้องการให้โพสต์เข้าสู่บล็อกที่มีอยู่ คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้ go.blogger.com และป้อนโทเค็นที่เราส่งให้คุณทางโทรศัพท์ จากนั้นคุณจะสามารถอ้างสิทธิ์ในบล็อกมือถือใหม่ของคุณและรวมเข้ากับบล็อกที่มีอยู่แล้วได้ หมายเหตุสำหรับผู้ใช้ซึ่งที่อยู่บล็อกไม่มี blogspot.com: เมื่อคุณดำเนินการเปลี่ยนดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว โพสต์มือถือใหม่จะได้รับการเผยแพร่ในบล็อกที่คุณเลือก แต่โพสต์มือถือที่เผยแพร่ก่อนการเปลี่ยนจะไม่ถูกย้ายโดยอัตโนมัติ
- ขณะนี้รูปภาพจะต้องมีขนาดไม่เกินภาพละ 250 กิโลไบต์ ถ้าเกินจากขนาดนี้ คุณจะได้รับข้อความตีกลับแจ้งให้ทราบ เพื่อให้คุณสามารถส่งใหม่โดยใช้ภาพขนาดเล็กลง โปรดทราบว่าโทรศัพท์ (หรือผู้ให้บริการ) ของคุณอาจมีขีดจำกัดเรื่องขนาดอยู่แล้ว
วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554
เมืองฟ้าแดดสงยาง
สถานที่ท่องเที่ยว | |
เขียนโดย ทวีศักดิ์ ศรีศิริ | |
![]() พระธาตุยาคู พระธาตุใหญ่ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมก่อด้วยอิฐปรากฏการก่อสร้าง 3 สมัยด้วยกันคือ ส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม มีบันไดทางขึ้น 4 ทิศ มีปูนปั้นประดับสร้างในสมัยทวารวดี ถัดขึ้นมาเป็นฐานรูปแปดเหลี่ยมซึ่งสร้างซ้อนทับบนฐานเดิมเป็นรูปแบบเจดีย์ในสมัยอยุธยา ส่วนองค์ระฆังและส่วนยอดสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ที่บ้านเสมา ตำบลหนองแปน ห่างจากตัวจังหวัด 19 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 214 (กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด) ระยะทาง 13 กิโลเมตร ถึงอำเภอกมลาไสย เลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 2367 ระยะทาง 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยอีกประมาณ 400 เมตร เมืองฟ้าแดดสงยางหรือที่เรียกเพี้ยนเป็นฟ้าแดดสูงยาง บางแห่งเรียกเมืองเสมาเนื่องจากแผนผังของเมืองมีรูปร่างคล้ายใบเสมา เป็นเมืองโบราณที่มีคันดินล้อมรอบ 2 ชั้น ความยาวของคันดินโดยรอบประมาณ 5 กิโลเมตร คูน้ำจะอยู่ตรงกลางคันดินทั้งสอง จากหลักฐานโบราณคดีที่ค้นพบ ทำให้ทราบว่ามีการอยู่อาศัยภายในเมืองมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แล้วได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 13–15 ดังหลักฐานทางพุทธศาสนาที่ปรากฏโดยทั่วไปทั้งภายในและนอกเมือง เช่น ใบเสมาหินทราย จำหลักภาพเรื่องชาดก และพุทธประวัติจำนวนมาก บางส่วนเก็บไว้ที่วัดโพธิ์ชัยเสมารามซึ่งอยู่ภายในเมือง บางแห่งอยู่ในตำแหน่งดั้งเดิมที่พบ และบางส่วนก็นำไปเก็บรักษาและจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น นอกจากนั้นยังมีซาก ศาสนสถานกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปภายในเมืองและนอกเมือง เช่นพระธาตุยาคู และกลุ่มเจดีย์บริเวณศาสนสถานที่โนนวัดสูง โนนฟ้าหยาด และโนนฟ้าแดด กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเมืองฟ้าแดดสงยางเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2479 รอบ ๆ องค์พระธาตุพบใบเสมาแกะสลักภาพนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ ชาวบ้านเชื่อกันว่าในองค์พระธาตุบรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญ่ที่ชาวเมือง เคารพนับถือ สังเกตได้จากเมื่อเมืองเชียงโสมชนะสงคราม ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองฟ้าแดด แต่ไม่ได้ทำลายพระธาตุยาคู จึงเป็นโบราณสถานที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ชาวบ้านจะจัดให้มีงานประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประจำทุกปีในเดือนพฤษภาคม เพื่อเป็นการขอฝนและความร่มเย็นให้กับหมู่บ้าน ![]() ![]() ![]() เมืองฟ้าแดดสงยาง ตั้ง อยู่ที่บ้านเสมา ตำบลหนองแปน ห่างจากตัวจังหวัด 19 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 214 (กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด) ระยะทาง 13 กิโลเมตร ถึงอำเภอกมลาไสย เลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 2367 ระยะทาง 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยอีกประมาณ 400 เมตร เมืองฟ้าแดดสงยางหรือที่เรียกเพี้ยนเป็นฟ้าแดดสูงยาง บางแห่งเรียกเมืองเสมาเนื่องจากแผนผังของเมืองมีรูปร่างคล้ายใบเสมา เป็นเมืองโบราณที่มีคันดินล้อมรอบ 2 ชั้น ความยาวของคันดินโดยรอบประมาณ 5 กิโลเมตร คูน้ำจะอยู่ตรงกลางคันดินทั้งสอง จากหลักฐานโบราณคดีที่ค้นพบ ทำให้ทราบว่ามีการอยู่อาศัยภายในเมืองมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แล้วได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 13–15 ดังหลักฐานทางพุทธศาสนาที่ปรากฏโดยทั่วไปทั้งภายในและนอกเมือง เช่น ใบเสมาหินทราย จำหลักภาพเรื่องชาดก และพุทธประวัติจำนวนมาก บางส่วนเก็บไว้ที่วัดโพธิ์ชัยเสมารามซึ่งอยู่ภายในเมือง บางแห่งอยู่ในตำแหน่งดั้งเดิมที่พบ และบางส่วนก็นำไปเก็บรักษาและจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น นอกจากนั้นยังมีซากศาสนสถานกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปภายในเมืองและนอกเมือง เช่นพระธาตุยาคู และกลุ่มเจดีย์บริเวณศาสนสถานที่โนนวัดสูง โนนฟ้าหยาด และโนนฟ้าแดด กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเมืองฟ้าแดดสงยางเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2479 ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เขื่อนลำปาว ณ จังหวัดกาฬสินธุ์
เขื่อนลำปาว เป็นเขื่อนดิน สร้างปิดกั้นลำน้ำปาวและห้วยยางที่ต่อเนื่องถึงกันบริเวณเขตติอต่อระหว่างตำบลลำปาว อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ตำบลหนองบัว อำเภอหนองกุงศรี และตำบลเว่อ อำเภอยางตลาด ความยาวตามสันเขื่อน 7.9 ก.ม. ความสูงของเขื่อนตรงส่วนที่สูงที่สุด 30.7 เมตร สันเขื่อน กว้าง 8 เมตร ฐานเขื่อนตอนที่กว้างที่สุด 125 เมตร เก็บกัก น้ำ ได้ 430 ล้านลูกบาศก์เมตร ในเนื้อที่ประมาณ 5,960 ตารางกิโลเมตร โครงการลำปาวเป็นโครงการชลประทาน เพื่อการเกษตรและบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำปาวและน้ำชี ทดส่งและระบายน้ำในคลองซอยต่าง ๆ บริเวรใต้เขื่อนให้ประชาชนในเขตอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอยางตลาด และอำเภอกมลาไสย ได้ทำการเพาะปลูกในเนื้อที่ประมาณ 338,000 ไร่นอกจากนี้ทะเลสาบเหนือเขื่อน ยังเป็นแหล่งเพราะพันธุ์ปลานานาชนิด ประชาชนที่อยู่เหนือเขื่อนซึ่งถูกน้ำท่วมไร่นา ก็จะ หันมาประกอบอาชีพในการจับปลาเพื่อเพิ่มพูนฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว นับว่าเป็นเขื่อนอเนกประสงค์ ประหนึ่งเป็นสายโลหิตชองชาวกาฬสินธุ์ทีเดียว |
![]() | ![]() | ![]() |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)